15 กรกฎาคม 2568 - สหภาพยุโรป (EU) เตรียมเปิดศึกสงครามการค้าเต็มรูปแบบกับสหรัฐอมเริกา หลังรัฐมนตรีการค้าของกลุ่มประเทศสมาชิกประชุมเร่งด่วนที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อหารือการตอบโต้ด้วยการเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรสินค้าอเมริกันมูลค่า 72 พันล้านยูโร หรือประมาณ 2.75 ล้านล้านบาท
ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โพสต์ข้อความในแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขู่ว่าจะขึ้นอัตราภาษีเป็น 30% สำหรับสินค้านำเข้าจาก EU หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
มาโรช เชฟโชวิช ข้าหลวงใหญ่การค้าของ EU กล่าวในการประชุมว่า "เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ รวมถึงมาตรการที่มีสัดส่วนและพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อฟื้นฟูความสมดุลในความสัมพันธ์ข้ามแอตแลนติกหากจำเป็น"
คณะกรรมาธิการยุโรปได้จัดทำรายการสินค้าเป้าหมายที่ลดลงจาก 95 พันล้านยูโรเหลือ 72 พันล้านยูโร หลังการปรึกษาหารือกับอุตสาหกรรมและประเทศสมาชิก รายการดังกล่าวครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท โดยเฉพาะเครื่องบินที่ผลิตในสหรัฐฯ และเหล้าเบอร์บอน
ขณะเดียวกัน EU อาจพิจารณาการควบคุมการส่งออกเศษอลูมิเนียมที่สหรัฐฯ ต้องการนำเข้า ตามที่เจ้าหน้าที่ทูตของ EU เปิดเผย
ลาร์ส เลอเก รัสมุสเซน รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์กเสียดายว่า "เราใกล้จะบรรลุข้อตกลงหลักการแล้วมาก"
ตามรายงาน การเจรจาสัปดาห์ที่แล้วเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย โดย EU ยอมรับอัตราภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้า ขณะที่ยังเจรจาข้อยกเว้นเฉพาะสาขา โดย EU ได้รับอัตราภาษี 0% สำหรับเครื่องบินและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอัตราภาษีเพียงเล็กน้อยเหนือ 10% สำหรับผลิตภัณฑ์การเกษตร
ปัจจุบันสหรัฐฯ เก็บอัตราภาษี 50% สำหรับเหล็กและอลูมิเนียมจาก EU, 25% สำหรับรถยนต์ และ 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดจาก EU
ลอรองต์ แซงต์-มาร์ติน (Laurent Saint-Martin) รัฐมนตรีการค้าฝรั่งเศสสนับสนุนแนวทางเข้มงวดต่อสหรัฐฯ โดยเรียกร้องให้ใช้เครื่องมือป้องกันการบีบบังคับ (anti-coercion instrument) ซึ่งถือเป็น "ตัวเลือกนิวเคลียร์" ของการป้องกันการค้าของ EU ที่ได้รับการรับรองในปี 2023
เครื่องมือนี้จะช่วยให้ EU สามารถถอนใบอนุญาตและสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทต่างชาติ รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน (Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ปฏิเสธการใช้เครื่องมือดังกล่าวในขณะนี้ โดยระบุว่า "เครื่องมือป้องกันการบีบบังคับสร้างขึ้นสำหรับสถานการณ์พิเศษ เรายังไม่ถึงจุดนั้น"
แม้จะแสดงความเข้มแข็ง แต่ EU ยังคงให้ความสำคัญกับการเจรจาเป็นลำดับแรก เชฟโชวิชระบุว่าความสัมพันธ์ข้ามแอตแลนติก "สมควรได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจา ซึ่งนำไปสู่ความมั่นคงและความร่วมมือที่ได้รับการฟื้นฟู"
คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศเลื่อนการดำเนินมาตรการตอบโต้เบื้องต้นที่มีเป้าหมายสินค้าอเมริกันมูลค่า 21 พันล้านยูโร (ประมาณ 8 แสนล้านบาท) ซึ่งเดิมกำหนดไว้วันอังคาร ออกไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม
การพัฒนาการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ EU เผชิญในการรักษาความสามัคคีของประเทศสมาชิก ขณะที่แต่ละประเทศอาจมีผลประโยชน์ที่แตกต่างกันเมื่อเผชิญกับแรงกดดันทางการค้าจากสหรัฐฯ
